รักษาผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ด้วยน้ำปัสสาวะ : สนทยา กันทะมูล
ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง Chronic Eczema
กรณีศึกษา สนทยา กันทะมูล
สำหรับท่านที่เข้าร่วมสัมมนานะคะ ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับปัสสาวะกลั่นได้นะคะ ทางสื่อของแพทย์วิถีธรรมนะคะ morkeaw.netได้ค่ะ เรามาท่านถัดไปคะ เรามีแต่ผู้แข็งแรงค่ะ นะคะ คุณสนทยา กันทำมูลนะคะ ท่านก็เป็นจิตอาสาอีกท่านนึงนะคะ ของแพทย์วิถีธรรม แข็งแรงค่ะ จะเป็นโรคไม่รู้เพียรรู้พักหรือป่าว ต้องลองสอบถามกันดูค่ะ เชิญค่ะ
สนทยา กันทะมูล : ค่ะ ขอบคุณค่ะ ต้องขออนุญาตเล่าเบื้องหลังก่อนนะคะ ปัจจุบันเป็นแม่บ้าน แต่ว่าอาชีพก่อนหน้านี้เป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้าที่ไนท์บาซ่า การทำงานคือ 7 วันต่อสัปดาห์ค่ะ… ต้องผ่าตัดมะเร็งเต้านม แล้วช่วงนั้นเราก็ได้รับการคัดกรองว่ามีจุดบริเวณบนราวนม ทางซ้ายแต่เราไม่กล้าบอกใครเพราะตอนนั้นพี่ก็ยังคีโมอยู่ ช่วงสองปีที่ดูแลร้านชนิดที่ว่าตื่น 7 โมงนอนตี 2 มีบางครั้งที่ตามันหลับไม่ได้ มีใครเคยหลับตาไม่ได้ไหมคะ เพราะว่ามันแสบ ต้องหยีตาแล้วมันจะแดงไปหมด คือตาเคืองมาก โดยปกติตั้งแต่เด็กมาไม่ค่อยจะเป็นคน เป็นโรคอะไร แต่ก็มีบางทีขี้มูก อะไรอย่างงี้ค่ะ ก็จะมีแพ้อากาศนิดหน่อยแต่ไม่มีอะไรที่จะไปโรงพยาบาล ไม่ขี้โรค แต่ว่าช่วงนั้นจะมีอาการตึงชาซีกซ้าย เหมือนเตือนค่ะ คือตอนเรามารู้หลักการแพทย์วิถีธรรม เราถึงระลึกกลับไปว่าเรามีอาการยังไง ตึง ซีกซ้ายจะมีการตึง ชานิดๆ หนักเนื้อหนักตัว ตอนนั้นน้ำหนักประมาณ 53 กิโลกรัม แล้วก็ ตอนช่วงนั้นจะเป็นปลายปี 56 ค่ะ ช่วงเดือนตุลา 56 ก็มีผื่นขึ้นบนนี้ค่ะ จากที่เราไปสวน เราเข้าใจเราไปแพ้ แมลงอะไรเงี้ยค่ะ เราก็ใช้ น้ำมันเขียวทา พอน้ำมันเขียว มันก็ลามตามรอยทาน้ำมันเขียวเลย ป้ายไปทางนี้ก็ลามไปทางนี้ ป้ายขึ้นก็ลามขึ้น ป้ายลงก็ลามลง ก็เลยหยุดใช้น้ำมันเขียว เสร็จแล้วก็เอาฉี่มาทามันก็ไม่หยุด เยอะขึ้นเรื่อยๆ อาการก็คือมันจะแสบร้อนคัน เริ่มรู้สึกว่ามันจะชื้นขึ้นมา ลองเอาสำลีเช็ด มีน้ำเหลืองติดมาที่สำลี ตาเรามองไม่เห็น จะเห็นแดงๆ บวมๆ ร้อนแสบ โดยเฉพาะช่วงเที่ยงคืนถึงตีสอง หรือไม่ก็โดนอากาศร้อน หรือไม่ก็ตอนไปทำกับข้าว สรุปก็คือหนูโดนร้อนไม่ได้เลย แล้วก็นึกอะไรไม่ออก ตอนนั้นก็จะมีแต่ดื่มน้ำสมุนไพรแล้วก็ได้ลองเอาน้ำปัสสาวะมาทาแต่กลับมีความรู้สึกว่า ทาปัสสาวะไปแล้ว มันเหมือนน้ำเหลืองมันไม่ออก มันปิดไปเลย น้ำเหลืองไม่ไหล มันแห้งไปเลย แต่มันมีอาการหนักเนื้อหนักตัว เราก็มารู้สึก แพ้ฉี่หรือเปล่า ผิดทฤษฎี เราอ่านมาไม่มีใครเคยแพ้ฉี่ตัวเอง งั้นมันใช้ไม่ดี เราก็หยุดใช้ไปก่อน เราก็เลยไม่ได้ใช้น้ำปัสสาวะทางการทา แต่มาดื่ม แต่มันก็ไม่ได้หยุดค่ะ ที่เห็นในภาพนี่คือ เป็นช่วงหนึ่งเดือนที่เรานั่งเช็ดน้ำเหลืองแล้วเห็นขาวๆนั้นคือสำลีค่ะ ต้องอยู่แบบนี้ค่ะ เอาสำลีมา ลูกกับจากโรงเรียนบอกว่าแม่เป็นซานตาคอส อีกภาพจะเห็นเป็นหูต้องเอาสำลีแตะไว้เพราะมันมีน้ำเหลืองหยดลงมา หยดลงพื้นมันแข็งมาก ตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นโรคติดต่อนะคะ แล้วก็เลยบอกพ่อบ้านแล้วก็ลูกว่า ขออนุญาติแยกเตียง แยกห้องน้ำ แยกเลย ตอนนั้นอยู่ตึกแถว ตึกสี่ ชั้น 3 คือเราจะใช้ห้องน้ำใช้ 3 บริเวณชั้น 3 หมดเลย คงสูงไปไม่มีมดมา หนูไม่เจอมดค่ะ ถ้าในภาพก็คือเริ่มพอกด้วยกากสมุนไพรเพราะว่ามันร้อนโดยเฉพาะช่วงเที่ยงคืนถึงตีสอง ต้องมีสเลดพังพอน มาตำ บีบน้ำมากิน อยู่ตึกไม่ค่อยมีผัก ก็จะมีแต่ผักตลาด ก็จะได้แต่ ละสวนก็อยู่ไกลด้วยตอนนั้น พ่อบ้านก็ต้องไปทำงาน เราก็ผักก็ไม่ค่อยมี ก็ใช้เขียมๆ เาเริ่มเอาคั้นน้ำ สมุนไพรฤทธิ์เย็น แล้วก็ใช้สำลี ชุบแล้วก็เอามาโปะไว้ รู้สึกเย็น อย่างงั้นหนะนอนได้ค่ะ เนี่ยค่ะ อันนี้คืออยู่สภาพแบบกึ่งเปื่อยค่ะ ที่ที่ถ่ายเนี่ยนะคะ มันเป็น น้ำเหลืองหยุดไหลแล้ว ช่วงมันพีคเนี่ย ช่วงที่มันหยดติ๋งๆ ใจที่จะไม่ได้อยู่ที่จะต้องมาเก็บภาพ
เห็นหูไหมคะ มันจะบวมแดง ตุ้มหูสำลี หนูจะต้องมีไว้ ที่ปูไว้คือผ้าฝ้าย พอดีทำผ้าฝ้าย อาบน้ำจะต้องเอาผ้าฝ้ายเช็ดแล้วทิ้งเลย เพราะมันขึ้นที่หัว ที่ท้ายทอย แล้วก็เวลานอนนะคะ อุปกรณ์เสริมของหนูก็คือ หมวกสำลีค่ะ สำลีก้อนใหญ่ๆค่ะ ที่เป็นผืนใหญ่ๆ หนูก็มาทำเป็นรูปหมวกรูปเสื้อ ผืนนึงก็ชุบน้ำสมุนไพรแล้วเอามาใส่หมวกแล้วนอน อีกผืนก็สวมเป็นเสื้อกั๊ก แผ่นหลังก็จะร้อนมาก อันนี้ที่หน้าแข้งขวา ที่แขนก็มีนะคะ แต่ไม่ได้ถ่าย ค่ะ ช่วงเวลาของการเช็ดน้ำเหลืองโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเนี่ย 1 เดือน อย่างที่อาจารย์ว่าได้ใช้วิบากค่ะ แล้วก็นึกไม่ออกว่าจะต้องทำอะไร มีแต่ดื่มน้ำสมุนไพร แล้วก็ทาน้ำมันเขียวก็ไม่ได้เพราะว่ามันยิ่งเยอะไปใหญ่ ทาฉี่ก็ไม่ได้เพราะมันรู้สึกมันอึดอันมันไม่โล่ง ได้แต่ดื่ม ยังนึกไม่ออกว่าจะต้องดีทอกซ์ยังไง มีมิตรดีสหายดีครูราตรีค่ะ ซึ่งนี้เขามีอยู่กันที่สะพานผ่านฟ้า ถ้าหนูดูข่าวเมื่อไหร่ มันบีบหัวใจมาก หูมันจะร้อน ขึ้นมาเลย มันเหมือนงูสวัด หนูเข้าใจคำว่างูรัดเลยค่ะ หนูก็เลยโทรถามครูราตรี ว่ามีครั้งนึงโทรหา มีทางเขาเรียกเฟสบุ๊คแมสเสส บอกว่าครูค่ะ ไลน์หา ครูสุเมธ ครูคะ หนูไม่ได้ห่วงใครค่ะ หนูห่วงอาจารย์หมอเขียวอย่างเดียวค่ะ ตอนนั้นระเบิด ครูสุเมธก็บอกไม่ต้องห่วง อาจารย์อยู่ข้างใน อาจารย์โดนล้อมไว้หมดแล้วโอเคคลายใจ คือหนูดูข่าวไม่ได้เลย เข้าถึงสภาวะถ้าใจเราแบบมีอารมณ์เป็นพิษมันมาทันที ถ้าสมมุติว่าน้ำเหลืองมันยังไม่ไหล แต่ถ้าเกิดเรามีอาการน้อยใจ โมโหหงุดหงิด ยิ่งพ่อบ้านบอกว่า เธอ ไปโรงพยาบลไหม โอ้โห ปี๊ดขึ้นมาเลย ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันไม่ไป ฉันดูแลตัวเองได้ น้อยใจว่าทำไมเขาไม่เชื่อเรา กลายเป็นจริงๆแล้วเราดื้อกับเขา แต่เราไม่รู้ตัว แต่เราเชื่อมั่นและศรัทธา
จะเล่าว่า ก่อนหน้าหนูเรียนรู้ยา 9 ข้อ แพทย์วิถีธรรม ก่อนปี 50 ก่อนออกคนค้นคนด้วยซ้ำ ตื่นเต้นมากที่เห็นอาจารย์ดื่มฉี่ผ่านคนค้นคน เพราะหนูคิดว่าเขาชิมเฉยๆ ก่อนที่อาจารย์จะออกคนค้นคนแต่ก็ชิม ทำให้หนูเลิกดื่มชามะนาว พอเห็นอาจารย์ดื่มเป็นขัน โอ้โห เขากินกันได้อย่างนี้ด้วยเหรอ ก็ดื่มตามอาจารย์แต่ก็ไม่ดื่มตามปกติ ดื่มบ้างไม่ดื่มบ้าง เพราะเราคิดว่าแข็งแรงดี หนูเข้าใจว่าหนูเรียนรู้เป็นทุนเดิมเพราะกุศลมีมาก่อน พอมาเจอวิกฤตทำให้หนูตั้งสติได้ และมีความเชื่อมั่นศรัทธา และยึดมั่นที่จะอยู่แนวทางนี้ ถึงแม้พ่อบ้าน คนใกล้ชิดมาเห็นน้ำหนักลด 10 กิโล คือช่วงเดือนแรกหนูร้อนมาก หนูกินข้าวไม่ได้เลยค่ะ สิ่งที่หนูกินได้คือน้ำสมุนไพร น้ำปัสสาวะ แล้วก็ผลไม้ บ้านอยู่ใกล้ห้างค่ะ ได้กินแต่แอปเปิ้ลกับสาลี่ ปกติเราก็จะไปส่วนแล้วได้มะละกอ กล้วย แต่พ่อบ้านก็เดินเข้าห้างแล้วได้สาลี่ ได้แอปเปิ้ล แล้วก็ทำกับข้าวไม่ได้ค่ะ ตอนนึงนะคะ พ่อบ้านลวกผักมาให้กิน ก่อนลวกเขาทำต้มยำทะเล โอ้โห เราเอาใส่ปากเข้าไป เหมือนอมถ่านร้อน มันมีเหตุการณ์ทำให้หนูไม่สามารถจะกินเนื้อสัตว์ได้ แม้แต่น้ำยังกินไม่ได้ ข้าวกินไม่ได้ กินได้แต่เนี่ยค่ะ น้ำผักเนี่ยค่ะ น้ำตอนนั้นเราเรียกว่าเป็นน้ำเขียว น้ำย่านางสด น้ำฉี่ แล้วก็ผลไม้ ผอมลง 10 กิโลจาก 53 เหลือ 43 เอวต้องขอดอย่างงี้ ไม่ได้ส่องกระจก พอเดินผ่านกระจก อุ้ย เราหรือนี่ ตอนนั้นพึ่งจะเสียน้องชายเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวปีหนึ่ง ก่อนหน้านั้นพี่สาวเป็นมะเร็งเต้านม เราก็บอกพ่อบ้านว่าอย่าพึ่งบอกพ่อกับแม่นะ แต่ปรากฎว่าผ่านไปเดือน ที่เรากินข้าวไม่ได้ พ่อบ้านทนไม่ได้ เขาไปบอกพ่อกับแม่ พ่อมาถึงร้องให้เลย ก็คือว่า บอกว่าหนูจะตายนะ มีลูกสองคนนะ แล้วหนี้ก็ยังมีอยู่ประมาณนี้ แต่ปรากฎว่าเกิดอะไรขึ้นรู้ไหมคะ หนูก็หิ้วกางเกงแล้วเล่าให้พ่อฟังรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง หนูกัวซา พ่อ เสร็จแล้วก็แม่มา คือกลายเป็นภาพอย่างงั้น พอพ่อรู้ พี่สาวเริ่มรู้ พี่สาวก็มา หนูก็กัวซาพี่สาวอีก แล้วเพื่อนก็มา หนูก็คุยกับเพื่อน แล้วก็ อะไรประมาณนี้ค่ะ ดีไม่ได้กัวซาเพื่อนอีก หึๆก็คือหนูเป็นคนไข้ที่ไม่ใช่คนไข้ ลูกชายหนูตอนนั้นเขาอยู่ป 1 ดีเนอะ แม่เป็นลูกศิษย์หมอเขียว แม่ไม่สบายแบบนี้แม่ก็สอนการบ้านต้นตาลได้ คือเตียงหนูก็จะหลายเป็นที่สอนการบ้านลูก คือกลายเป็นว่าชั้น 3 เป็นโรงพยาบาลของหนูเลย พ่อบ้านตอนเช้าก็จะมีหน้าที่ทำกับข้าววางไว้ แล้วเขาก็ไปทำงานของเขา ไปส่งลูกไปโรงเรียน หนูก็มีหน้าที่เป็นคนป่วยดูแลตัวเอง ตื่นเช้ามา ตามกิจวัตร ก็จะดื่มน้ำ ปัสสาวะ เข้าห้องน้ำ ดีทอกซ์ อาบน้ำ หนูช่วงร้อนมากๆ สวนล้างลำไส้ใหญ่ 6 ขวดเช้า 6 ขวดเย็น น้ำเหลืองที่ว่าเยิ้มๆ เมื่อกี้เล่าถึงว่าเดินผ่านไปแล้วมีมิตรดีมาบอกว่าดีท๊อกซ์หรือยัง น้องมันดีท๊อกซ์หรือยัง โอ้โห ลืมค่ะคือ น้องมัน ถ้ามันแผลขนาดนี้แล้วมัน หนูคิดถึงวิบากกรรมอะไรบ้างนะ อู๋ ลืมค่ะครู เริ่มละ เริ่มมาคิดถึง เราน่าจะ เหมือนหมูกรอบที่หนูชอบกิน ภาพที่หนูนอนดำๆเลย มันเหมือนหมูกรอบมากเลย หนูชอบกินหมูกรอบ ทำได้ทุกอย่าง ผัดกระเพราะ ก๋วยเตี๋ยว ต้มยำ หมูกรอบเฉยๆ หนูกินได้หมด เนี่ยค่ะ ก็เลยแบบ มีความรู้สึกว่าเรา ระลึกถึงสิ่งที่เราทำมา มันใช่แน่ๆเลย เราต้องได้ชดใช้ แล้วหนูมันเป็นกุศลอย่างที่ว่าค่ะ ที่ส่งให้ถีบให้ตัวเองต้องมาเป็นแบบนี้เพราะจิตหนูตั้งไปตั้งแต่อ่านหนังสืออาจารย์ตั้งแต่มารู้ของอาจารย์แล้วก็เห็นชีวิตที่อาจารย์ นำเสนอผ่านสื่อผ่านอะไรที่หนูเห็นเนี่ย มันเป็นชีวิตที่หนูเข้าใจว่านั่นคือสุดยอดของการคนชาติหนึ่งที่เราต้องเลียนแบบ หนูก็เลยตั้งจิตว่าหนูจะเป็นจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมตั้งแต่ยังไม่เจออาจารย์ หนูตั้งจิตอย่างนั้นจริงๆแต่มีข้อแม้ว่าต้องส่งลูกเรียนให้จบก่อนเหมือนปลดเกษียณแต่ตัวนี้ไม่สบายนี้เป็นปฏิกิริยาเร่งให้หนูมาเป็นไวขึ้น แล้ว หนูเข้าใจว่าเหตุที่หนูไม่สบายมันเป็นเรื่องของอารมณ์หนูเป็นคนที่มีความขี้โมโห โมโหง่าย เร่งรีบเร่งร้อน ใจร้อน ขนาดนี้ปฏิบัติธรรมมาบ้างแล้วนะคะ เห็นท่าทางหนูไหมค่ะ ช่วงที่โอเค เดือนแรกไม่มาไม่ไป ใช้น้ำปัสสาวะหล่อเลี้ยงมาได้ อาหารการกินก็ไม่ได้กินอะไรเช้าไปเพราะวิบากดีช่วยเขาไม่ให้กิน พอเดือนถัดไปมีมิตรดีบอกสวนล้างลำไส้ใหญ่ใช่น้ำปัสสาวะผสมสมุนไพรฤทธิ์เย็นแล้วน้ำเปล่า ลักษณะคือการเอาพิษออก ช่วงเช้าคือ 6 ขวด แล้วมันมีพีค พอทำไปทำมาแล้วมันหนาว นอนห่มผ้าดีท๊อกซ์ ตัวซีดๆ มือเย็นๆ ฉี่จะใสแล้วปริมาณมาก เฮ้ย ผิดทฤษฏีแล้ว เพราะมันโต่งไปทางเย็นอีกทีค่ะ หลังจากที่ทำแบบนั้นแบบทำเยอะมาก มีแต่เอาร้อนออก เอาเย็นใส่ แล้วตรงกับมันเป็นเดือนพฤศจิกา ธันวา ปี 56 มันหนาวพอดี แล้วหนูก็แบบ ไม่ไหว มันมีอาการหูบวมขึ้นมาก่อน หูจะบวม เหมือนมันจะแดงๆ บวมๆอีกละ ก็ลองหยุด คือชะลอเปลี่ยนวิธีดีท๊อกซ์จากเช้า 6 ขวด เย็น 6 ขวดเป็น 3 ขวดเช้า 3 ขวดเย็น อาการก็ดีขึ้น กลายเป็นว่าเราโต่งเกินไป เพราะฉะนั้น ช่วงสี่เดือนที่สามารถจะจัดการได้ มันก็จะมีแบบว่า จากร้อนเกินมา จัดการตัวเองด้วยเทคนิค 9 ข้อ ที่บอกว่าทำทุกเม็ดเลยเคย เล่าให้ฟังไหมคะว่าฟังเม็ดอะไรบ้าง
เดี๋ยวก่อนนะคะกลับมาก่อน 1 เดือนมิตรดีสหายดีก็ให้พิจารณาเรื่องกรรมก็คิดออกถึงหมูกรอบ แล้วหลังจากนั้นคือยังไง ช่วงนี้ โทรทัศน์เริ่มไม่ดูหรือเปล่าคะ เนื่องจากว่าจะทำให้เกิดอารมณ์
พ่อบ้านเอาใจมากเลย เอาจอใหญ่ มีล้อเลื่อนด้วย เราก็เลยต้อง ปิดบ้างๆ ยอมๆ ยอมไม่ดูยอไม่ฟัง ยอมไม่ติดตามเสร็จแล้วพ่อบ้านจะพูดอะไรใครจะมาพูดอะไรเราก็จะอ๋อ เพราะเขาไม่รู้ไง เรารู้มากกว่าเขา สิ่งที่เราควรจะต้องทำ คือทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่ไปน้อยอกน้อยใจเขา นั่นเป็นเรื่องที่ยิ่งทำให้ไปกันใหญ่ เมื่อผ่านไปเดือนที่ 2 อาการเริ่มดีขึ้น ทางบ้านก็เริ่มรู้สึกว่ามันเอาจริง เห็นผลจริง ความที่จะชวนกลับไปโรงพยาบาลเริ่มไม่มี ก็มีแต่ว่าคอยส่งเสริม จริงหรือป่าว นี่เธอโอเคจริงหรือป่าว คือให้กำลังใจ ลูกก็ให้กำลังใจ เมื่อกี้เห็นภาพนึงที่ ทุกคนล้อมเลย หนูนอนอยู่ที่ห่อ อออันนี้ภาพนี้นี่จะแบบ น้ำเหลืองหยุดไหลแล้วค่ะ เริ่มเห็นริ้วรอยของร่องรอยแยกที่น้ำเหลืองเยิ้ม ค่ะ อันนี้ เนี่ยค่ะ กากสมุนไพร มันร้อนขึ้นที่หน้า ที่หน้ายังไม่เป็นแผลนะคะ มันจัดการได้ก่อน เริ่มบวม เริ่มมีค่ะ
สรุปว่าตอนนี้ไม่ได้มี แม้แต่แผลเป็น พ่อบ้านยังว่าอุ๊ย เธอเหมือนกับลอกคราบ อันนี้ภาพนี้ตั้งใจค่ะ ให้ดูว่า หนูจริงๆ เห็นหน้าหนูชัดจนที่ภาพเอามาทั้งหมด นี่คือหนูจริงๆ เหมือนกันมั๊ยคะ ไม่เหมือน ตอนนี้เด็กลง ค่ะ โกนหัวเองด้วยนะคะ 9 เม็ดที่ใช้ก็คือเด่นๆ สรุปเด่นๆแล้วกันค่ะ ว่าช่วง4 เดือน เดือนแรกตัดทิ้งแล้วกันนะ ช่วงชดใช้วิบาก 3 เดือนหลัง อะไรที่คิดว่าทำให้ใช้เวลา 3 เดือนกับอาการที่เห็นในรูปเช่นนั้น
หนูว่าอันดับแรกก็คือ ยอมรับก่อนว่า เราเฮ้ย ที่เราเป็นอยู่มันไม่น่าจะใช่อะไรที่ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าอะไรบังเอิญไม่บังเอิญ ตอนนั้นไม่ได้คิดนะว่าทำไมเป็นแบบนี้ไม่ได้คิด แต่เราคิดว่า เราต้องไปทำวิบากกับหมาขี้เรื้อนไว้แน่ๆเลย ทั้งหมูกรอบและหมาขี้เรื้อนเพราะว่า มันมีลักษณะเหมือนหมาขี้เรื้อนที่เป็นแผลๆแล้วเป็นแดงๆ แล้วคันๆแสบๆเนี้ยค่ะ เราก็แบบ เราก็ขอ เหมือนกับตั้งจิตขอชดใช้ในสิ่งที่เราทำมา แต่หนูคิดตอนนั้นนะคะ ว่าขอเหลือกำลังใจ กำลังกายให้หนูได้ไปเป็นจิตอาสา หนูคิดอย่างงั้น แล้วหนูก็เลยขอถ่ายรูป หนูก็เก็บรูปไว้ เพื่อที่จะยืนยันว่า หนูจะต้องหายด้วยแพทย์วิถีธรรมแน่นอน ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น หนูก็บอกพ่อบ้านนะ ให้พาไปโรงพยาบาลได้ แต่ตอนที่ไม่มีสตินะ แต่ถ้ายังมีสติ ขอรักษาตัวเองแบบนี้อยู่ที่บ้าน เท่านี้ค่ะ ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นว่าต้องรักษาแบบนี้ แต่บอกเขาว่าถ้าไม่มีสติช่วยตัวเองไม่ได้ค่อยๆพาไป ก็เลยเก็บภาพไว้ทุกขั้นทุกตอน จริงๆแล้วมีคลิปวิดีโอด้วยแต่ว่าหาไม่เจอ อยู่ไหนไม่รู้ แล้วก็ต่อจากการที่เราวางใจเสร็จแล้วก็ทำให้เรามีเพื่อนมาบอกว่า ดีท๊อกซ์สิ จากนั้นน้ำเหลืองก็หยุดไหลภายในประมาณ 3-4 วัน พอดีท๊อกซ์เราก็รู้ลิมิต ว่าจะประมาณไหน มากน้อยเพียงใด แล้วก็น้ำสมุนไพร นะคะ แล้วก็รู้ถึงการใช้น้ำปัสสาวะด้วยว่า จริงๆแล้วที่บอกว่าใช่ดี ดีจริงๆ แต่ว่าในเวลาแรกที่เรารู้สึกว่าเราใช้น้ำปัสสาวะไม่ได้เนี่ย เรามาเข้าใจคิดย้อนกลับไปว่า เพราะว่าคุณสมบัติของน้ำปัสสาวะคือการปิดแผล แต่ที่หนูใช้ก็คือเมื่อปิดเสร็จแล้วน้ำเหลืองมันไม่ไหล มันก็ไม่ได้ระบายพิษ จุดประสงค์ของหนูคือต้องการระบายพิษ หนูเลยใช้น้ำปัสสาวะไม่ได้ เลยเอาดีท็อกซ์เอามากิน เสร็จแล้ว กัวซา ค่ะ กัวซานี้ตั้งแต่หัวจนถึงนี่เลย มีอาชีพอาบน้ำเสร็จแล้ว ดีท๊อกซ์เสร็จแล้วก็กัวซาทั้งๆที่ยังไม่ได้เช็ดตัว กัวซาจุดที่ไม่เป็นแผล เพราะหลักการของกัวซา คือทำในจุดที่ไม่เจ็บ อย่างเช่นตอนนี้หัวเราเป็นแผลเราก็ไม่ทำ หน้าเราไม่เป็น กำลังจะเป็นเราก็กัวซาหน้าได้ คอเราเป็นเราไม่ทำ เราก็ทำแขน เว้นตรงจุดที่เป็น ก็ทำตามหลักการกัวซาที่เราเรียนมา เสร็จแล้ว แช่มือแช่เท้านี่ หนูแช่น้ำร้อนจากเครื่องทำน้ำอุ่นที่บ้านค่ะ อาบน้ำเสร็จแล้ว ดีท๊อกซ์เสร็จแล้วก่อนจะออกจากห้องน้ำ แล้วมา ต้มไม่ได้ ทำกับข้าวไม่ได้เพราะร้อน แช่น้ำอุ่นจากเครื่องทำน้ำอุ่น เสร็จแล้วก็พอกทา
ก็ใช้น้ำสมุนไพรเข้มข้น ชุบสำลี เพราะว่า ถ้าพอกกากเสร็จแล้วเนี่ยเคยพอกกากมันระเนระนาดร่วงไปหมดเพราะว่าหนูยังเป็นคนไข้ที่เดินได้ หนูจะทำงานบ้านไปด้วย คือใส่เสื้อกั๊กสำลี โพกหัว แล้วจะกวาดบ้าน ถูกบ้าน ล้างจาน อะไรที่อยู่ในร่มได้ เขาไม่อยู่บ้านหนูจะทำความสะอาดอะไรของหนูไปตั้งแต่ชั้นบนลงชั้นล่างค่ะ แต่ว่าตอนแรกหนูเข้าใจว่าเม็ดที่ 6 หนูไม่ทำแต่จริงๆแล้วหนูทำคือการฝึกลมหายใจ นอนนิ่งๆค่ะ ไปไหนไม่ได้ น้ำเหลืองไหลเยิ้ม ตอนนั้นยังไม่รู้ค่ะ ว่าลมหายใจร้อน ลมหายใจเย็นเป็นยังไง แต่รู้สึกว่าสูดลมหายใจเข้าไปแรงๆแล้วโล่ง เย็น เบา แล้วก็ปล่อยออกปาก ฟ่า แรงๆ มันเบา มันโล่งในทันทีเลย เพราะฉะนั้นก็ยังทำแต่เหม็นเน่า เพราะมันสูดเข้าปแล้วมันมีน้ำเหลืองกำทำอย่างงี้ค่ะ เทคนิคข้อที่ 7 ก็อาหารกินไม่ได้เลย เนื้อสัตว์ กินได้ตามลำดับจริงๆ พอร่างกายเริ่มหายร้อนแล้วก็ถึงจะเริ่มกินผักลวกได้ ตอนแรกกินได้แต่ผลไม้สดกับน้ำ น่าจะเป็นเดือนแรกนั่นแหละคะ ต่อจากนั้นก็จะมีน้ำผลไม้สด แล้วก็มาเป็นผักลวก มีช่วงหนี่งพ่อบ้านบอกว่า กลัวว่าหนูจะหิว ก็ลวกไฟแรง ผักกาดจอ ผักกวาดกวางตุ้ง เสร็จแล้วหนูว่าทำไมมันร้อนมากเคี้ยวไม่ได้เลย มันเป็นอะไร ทำไมมันร้อนขนาดนี้ เขียวๆอยู่นะคะ เขาก็งงว่าทำไมหนูกินไม่ได้เพราะว่าเมื่อวานยังกินได้อยู่เลย หนูถามว่าเธอทำยังไง เขากลัวหนูหิวเลยใช้ไฟแรง หนูก็บอกมันร้อนเกินไป ก็เลยเข้าใจว่า ไฟร้อนก็เข้าไปในอาหารได้ แล้วอาหารหนูก็กินตามลำดับ ต่อจากนั้นถึงจะกินข้าวได้ น่าจะเป็นเดือนที่ 2 ที่ 3 ค่ะ แล้วก็ธรรมะ รู้เพียรรู้พัก ไม่ได้ไปทำงานเลยค่ะ จาก 7 วันต่อสัปดาห์ 0 วันต่อสัปดาห์แล้วก็พักไปเป็นปีเลย
พิธีกร : ก็ขอบคุณนะคะพี่สนทยานะคะ ก็โดยสรุป ถ้าถามว่าอะไรที่โดดเด่นของ พี่มัน ถ้าถามตัวเองฟังแล้วเนี่ย ศรัทธามากเลยค่ะ ศรัทธาในศาสตร์ของแพทย์วิถีธรรมแล้วก็ใช้ทุกอย่างปรับสมดุล รู้ว่าร้อนแต่ช่วงแรก ช่วงที่วิบากเข้านะคะ ก็งง นึกไม่ออก เดือนแรกเนี่ย แบบว่า อะทำได้แต่ปัสสาวะ ปะปะ พอปะเสร็จแผลก็ปิด ไม่ได้เอาออกทางอื่นมันก็ไม่รู้จะไปไหน นึกไม่ออกว่าจะออกทางไหนได้ พอเดือนถัดมาแต่ละท่านก็จะบรรยายว่าออกทางไหน สวนล้างลำใส้ใหญ่ การแช่ การพอก การอะไรต่างๆ กัวซานะคะ ทุกอย่างที่เป็นองค์ความรู้แพทย์วิถีธรรมนำมาประยุกต์ใช้เพื่อปรับสมดุลตัวเองนะคะ ร่วมกับตัวแรกค่ะ วิวาทะ นะคะ ช่วงแรกด้วยความยึดมั่นในศาสตร์แพทย์วิถีธรรม ก็รู้ด้วยว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ อะไรต่างๆ แต่เมื่ออยู่ไป การเวลาก็ได้เกิดการทบทวน เห็นหมูกรอบ เห็นต่างๆแล้วก็เห็นความเข้าใจว่าแต่ละคนเป็นห่วง ใช่ไหมคะ ก็ทำให้วางใจได้มากขึ้นจนสุดท้ายการที่ ยังมุ่งมั่นทำด้วยศรัทธาเคารพ กลายเป็นว่าทั้งครอบครัวก็เป็นผู้สนับสนุนนะคะ เพราะทุกคนก็ห่วงค่ะ ก็ขอบพระคุณมากที่มาแบ่งปันค่ะ คุณสนทยาเนี่ย เป็นอาการอย่างที่เล่าเนี่ย เป็นครั้งเดียว เป็นคนแข็งแรง