การใช้น้ำปัสสาวะ รักษาแผลไฟไหม้ : ภัคธร คุ้มกิตติพร

กรณีศึกษา การใช้น้ำปัสสาวะในการดูแลรักษาบาดแผลที่โดนไฟคลอก ของคุณภัคธร คุ้มกิตติพร จากรายการ เสวนาน้ำปัสสาวะ กับการดูแลรักษา แผลไฟใหม้ แผลเบาหวาน แผลเปื่อย แผลอักเสบ แผลติดเชื้อ

คุณภัคธร คุ้มกิตติพร (สู่ร่มบุญ)

ตอนนั้นที่ผมได้ไปสนามหลวงคือมีวันที่ประเทศไทยต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่คือสูญเสียพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไป ช่วงประมาณปี 59 ที่ผมจำไม่ผิด ประมาณช่วงตุลา เราก็ได้แสดงความจงรักภักดีแล้วก็ตอบแทนพ่อด้วยการทำดีเพื่อพ่อ อาจารย์ก็ได้ส่งพี่น้องบางกลุ่มที่สะดวก ไปทำครัวไปทำอาหารเลี้ยงแขกผู้มีเกียรติ ที่ไปกราบสักการะพรบรมศพท่าน ได้ไปอยู่ที่โน่นเกือบปี สำหรับทำอาหาร

ผมปฏิบัติแพทย์วิถีธรรมมาประมาณ 4 ปี ช่วงนั้นเข้าปีที่ 5 ละครับ ก็ได้ไปตรงนั้นเนี่ยเราก็มีเชื่อมั่นในศาสตร์ของแพทย์วิถีธรรมอยู่แล้วแต่เราไม่เคิยคิดว่า ทำความดีแล้วต้องได้ดี เราก็เพียงว่า ทำความดีต้องโดนด่า ทำความดีก็โดนวิบากได้เหมือนกัน ก็พอไปอยู่ตรงนั้น เกือบปีแล้วครับ

ประมาณปี 60 ประมาณเดือนสิงหา เป็นวันแม่ ปี 60 นะครับ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาคือ แก๊สเนี่ยตอนที่ผมทำกับข้าว ทำอาหารโรงครัวอยู่เนี่ย มันมีเตาแก๊สอยู่ประมาณ 5 เตา เตาที่ 1 เตาที่ 2 เตาที่ 3 เนี่ย ผมอยู่เตาที่ 3 น้องอีกสองคนอยู่สองเตา แล้วมีอีกคนอยู่ถัดจากผมเป็นเตาที่ 4 พอเตาที่ 4 เนี่ย แก๊สมันเกิดรั่วจากสายที่ 1 มา แล้วมันอัดไฟเข้ามาเนี่ย โดนไฟเตาที่ 2 มันก็พ่นแก๊ส แล้วมันก็พ่นลงมาเนี่ย แว๊บนึงขึ้นมาเนี่ย เขาบอกไฟสูงถึงเต๊นท์เพราะผมมองไม่เห็นเพราะว่าตอนนั้นมันโดนเผาไปละ ผมทำอาหารอยู่พอดีกำลังตัก ไฟมันผ่านมาจากเตาที่ 1 เตาที่ 2 มาโดนผมคนเดียว มาโดนผมคนเดียว เตานั้น แล้ว1 2 3 ไม่มีใครโดนเลย ทั้งทุกเต๊นท์ ไม่มีใครโดนไฟเลย นอกจากผมคนเดียว

พอโดนมาจังหวะนั้นเนี่ย ผมมีความรู้สึกได้ว่า เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นเนี่ย มันไม่เหมือนเก่าที่เราเคยเป็น เมื่อก่อนนี้เราเป็นโรคใช่ไหมครับ เราเคยเป็นโรคเนี่ย มีคนมาพูด เรามีความกังวล แต่ครั้งนี้ มันกลายเป็นว่าเรามีสติ ทั้งๆที่เราเจ็บ ตอนนั้นเรามีแค่ความกลัวแต่เราทุกข์ แต่ตอนนี้มันกลับมีความมีสติคือ มันแสบ มันเจ็บ แป๊บนึง มันขึ้นมาปุ๊บ มันจี๊ดขึ้นมาตรงแผลตรงหน้าหมดละ ผมก็รู้ละผมโดนละ แต่ผมไม่รู้ว่าผมโดนหนักเท่าไหร่ ก็ปรากฏว่า พอมีสติ พี่น้องก็เห็นว่าผมโดนไฟ

ภาพที่3: วันที่4 แผลไฟไหม้บริเวณหน้าหลังทาน้ำปัสสาวะ และปรับสมดุล

ผมนั่งก้มหน้าเหมือนเป็นนิดเดียว พอก้มไปเห็นแขนปุ๊บ แขนมันก็จะหลายเป็นว่า เนื้อมันหลุด มันโดนเนื้อมันหลุด แรกๆมันดูน่ากลัวกว่านี้ เนื้อมันหลุดเป็นขาวๆ เพราะว่าใหม่ๆมันยังไม่ดำ มันยังดูแผลสดๆอยู่ เราก็ไม่ได้ติดใจอะไรคิดว่ามันนิดหน่อย พอนั่งไปสักพักนึงมันไม่ใช่ ความปวดร้อนเจ็บแสบขึ้นมา ผมมีความรู้สึกได้ว่า ผมโดนหนักละ เพราะมันแสบทั้งคอ ทั้งหน้า ทั้งหน้า ทั้งหัว ทั้งหู มันไปหมดแล้วครับ เราก็มีสติอยู่แต่รู้ว่าโดนหนัก แต่ไม่ได้โวยวายอะไร เพราะว่าพี่น้อง คนก็แห่ตื่นไปหมดเลย ผมไม่เห็นเหตุการณ์นะครับ เต๊นท์กระจายกันหมดเลย เพราะพี่น้องเขาวิ่งไปปิด ผมก็นั่ง พี่น้องก็เอาอย่างแรกเลย คือตอนนั้นเราไม่มีปัสสาวะมากพอ เราก็ใช้จุดแรกที่ผมเห็นเลย ผมเห็นกรรมตัวเองคือ เมื่อก่อนผมเคยทำห้องอาหาร แล้วไปทำกุ้งสะดุ้งไฟ ไฟสูงเท่ากับเต๊นท์อย่างงี้ เอเรียกเชิญชวนให้คนมากินอาหารผม ผมต้องเอากุ้งใส่ลงไปแล้วน้ำมันกับแอลกอฮอล์ จุดเพื่อให้ไฟมันพุ่ง เชิญชวนให้กุ้งมันสุก ความร้อนขนาดนั้นมันจะสุกทันที แล้วก็จังหวะมีเด็กคนนึง เป็นผู้ช่วยเชฟไปราด แล้วน้ำมันราดมือเขาตรงนี้ด้วย แผลด้านขวา แต่เขาไปเข้าโรงพยาบาล เขาโดนไปอสง ผมรักษาช่วยเขาไปประมาณเกือบสองเดือน เขาต้องไปขูดต้องไปทำอะไร เราก็ไม่ได้ไปสังเกตมากก็รับผิดชอบไปตามเหตุนะครับ มันขึ้นมาอย่างเดียว กรรมมีตั้งมากมาย แต่ผมเห็นกรรมตัวนี้ ว่าโอ้โห นี่เราเคยทำกรรมนี้มาแน่ มันทำให้เรามีสติ คือเราไม่ได้หวาดกลัวว่าสิ่งนั้นแล้วอีกอย่าง เราบำเพ็ญ ปฏิบัติมาระยะนึงแล้ว มันทำให้เรามีสติมาก เราก็แช่น้ำด้วยคลอโรฟิล พี่น้องเอาน้ำมันเขียวก็ลง ทำทุกอย่างเลย พอลงมาเสร็จปุ๊บ มันก็เริ่มเย็นมากก็สบาย พอชักขึ้นมาปุ๊บ มันปวดแสบปวดร้อนมากเลย ผมก็เลย ไม่ไหวละ ผมกลับ ถือลาพี่น้องเดินกลับ ไปทั้งถัง แล้วก็เดินไปตั้งไกล ไปทั้งปวดแสบปวดร้อน ระหว่างเดินไปก็พิจารณาไป เรื่อย ๆ เอ๊!!  มันกรรมของเราเนี่ย

ผมชัดที่สุดก็คือว่า ความรู้สึกของความเป็นร่างกายที่มันเป็นเนี่ย มันไม่เท่ากับความกลัวที่ผมเคยเป็นโรคอาการ โรคต่างๆที่กังวล มันกลับมีความเชื่อว่า โห เจ็บแสบ มันเป็นโอกาสเรานะ ที่ เมื่อก่อนผมเผากุ้ง คนที่โดนมือ เขาแสบอย่างเรานี่เหรอ เราแสบแบบเขานี่เหรอ เราไม่เคยรู้เลยว่า สัตว์ทุกตัวที่เราทำเนี่ย มันปวดแสบปวดร้อนอย่างที่เราปวดแสบปวดร้อนนะครับ

ภาพที่4: วันที่ 5 แผลไฟไหม้บริเวณแขนหลังแช่น้ำปัสสาวะ และปรับสมดุล

มันขึ้นมือ ขึ้นหน้าโห ทรมานมากแต่ตอนนั้นเรารู้ว่าความทรมานทางกายมันไม่ได้ทำให้ใจเราหวั่นไหวอะไร เราก็กลับบ้าน พอกลับบ้านปุ๊บ ผมก็ ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลย เขาบอกว่าอย่าโดนน้ำ ผมก็โดนน้ำ ผมเอาฉี่ราด เอาปัสสาวะก่อน มือนี้มันเริ่มจะหายแล้วนะครับ จริงๆแล้ว มันมีภาพมากกว่านั้น อันนี้มันเริ่มจะฟื้นตัวประมาณ 5-6 วันสุดท้ายละครับ อันนี้เริ่มหลุด เริ่มลอกมาเป็นแผลที่ดีละ เนี่ยครับ อันนี้หน้าผมเริ่มลอกละ เริ่มกล่อนละไม่มีอะไร อันนี้ เป็นแผลที่โดนเริ่มจะ ประมาณเข้าสู่วันที่ 7 แล้วครับประมาณนี้ เนี่ยเห็นไหมครับ เห็นเนื้อหลุดไหมครับ อันนี้เข้าไปวันที่ 4 มันเริ่มหลุดออกไป มันเหมือนหนังปลาที่ผมเคยทำ เคยลอกปลาเผา เคยเห็นปลาเผาเกลือไหมครับ แล้วเขาจะลอกแผ่นให้เรากินเนื้อ เหมือนกันเลย เราก็โอ้โห เป็นทั้งหมดเลย แล้วมันเจ็บ ผมก็มีความรู้สึกว่า อย่างแรกที่ผมทำเลย มีพี่น้องเนี่ย เข้ามาถึงมาเยี่ยมผม ทั้งพี่เฉง ทั้งพี่แขก ทั้งพ่อ แม่ แล้วก็น้อง แล้วก็แม่บ้านก็ห่วงกันหมด อันนี้เริ่มจะหายแล้วครับ เนื้อมันเริ่มดันขึ้น พอเสร็จเนี่ย ก็ต่างมาเนี่ย ทุกคนก็จะให้ผมทำอย่างงี้ คนนี้จะใช้วิธีนี้ คนนั้นใช้วิธีนั้น โอ้โหเรามีความมีความสุขกับรอยยิ้มจริงๆ เราก็ เขาบอกว่าทำไมผมเจ็บแล้วทำไมผมถึงยิ้มได้ ผมบอกผมมีความสุขดี ผมสุขเพราะว่าผมเห็นอัตตาตัวผมที่ผมเคยทำ เพราะว่าอัตตาตัวนั้นเป็นเจตนาดีที่อยากให้คนหาย ผมเห็นเจตนาดีของทุกท่านที่พี่เฉง ป้ามาเนี่ย เพราะห่วงผม แม่ผมก็เป็นห่วงผม น้องผมก็เป็นห่วงผม เขาร้องไห้เลย เขาอยากให้ผมทำ เขาห่วงผมแบบที่ผมเคยไปยัดเยียดเขา ผมก็แช่ปัสสาวะไปคุยไปก็หัวเราะไปยิ้มไป แต่เจ็บ ไม่ได้ไม่เจ็บ เจ็บแต่ไม่ทุกข์ ไม่ทุกข์ก็ผมก็เลย อ๋อ ไอ้เจ็บตรงเนี้ย เราเจ็บ แต่เอาขึ้นมาก็เจ็บอยู่เหมือนเดิม สองวันแรกครับ แต่เรามีความสุขที่เราได้เห็นกรรมแบบนี้มากกว่า มันแตกต่างกับตอนที่ผมเป็นโรคกลัว ตอนนั้น ตอนนี้ผมเจ็บกว่าตอนนั้นอีก อันนั้นเป็นแค่ความกังวล แต่น่าจะเอาความเจ็บออกไปกลับไม่กลัว กลับไปเห็นความไม่กังวลมากกว่า เราก็เห็นอาการของร่างกายตัวนี้เราหละ เพราะเหตุการณ์มันจะเป็นยังงี้ มันก็ยังไม่หายเท่าที่มันเป็นครับ พอจะเอามาเนี่ย คนโน้นจะให้ลองแบบนี้ ผมก็ลองแป๊ปหนึ่ง

ภาพที่ 5 : วันที่ 7 แผลไฟไหม้บริเวณหน้าหลังแช่น้ำปัสสาวะ และปรับสมดุล

 

สรุปแล้วเนี่ย มันจบที่ปัสสาวะ เขาเอาบัวหิมะ ผมทาแล้วผมก็ร้อน ผมก็ไม่ได้รับ ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ขอทำแบบนี้ทีนี้ดูก่อน อาจารย์ ผมก็โทรไปหาปรึกษาพี่นิดหน่อย พี่นิดหน่อยครับ ผมโดนลักษณะแบบนี้ควรจะทำยังไง ซักพักอาจารย์ก็รู้ข่าวก็โทรมาให้กำลังใจ อาจารย์บอกว่า แช่ฉี่เลย ผมบอก ผมตั้งใจ อาจารย์บอกแช่ฉี่ปุ๊บ ผมก็แช่ คือตอนนั้นมันปวดแสบปวดร้อนมากไม่ไหว อาจารย์บอกเอาน้ำแข็งลงด้วย จริงๆแล้วถ้ามันไม่จำเป็น ถ้ามันร้อนไม่ไหว ก็ต้องใช้ พอผมเอาขึ้นมาแล้วมันไม่ไหว ผมก็เลยใส่น้ำแข็ง แต่พอใช้น้ำแข็งมากๆ มันกลับกลายเป็นว่า มันสู้ปัสสาวะอย่างเดียวไม่ได้ มันต้อง เป็น เพราะน้ำแข็งมันขึ้นเย็นชา พอหายชามันจะระบบ จะปวดแสบปวดร้อน ใครเคยแผลท่อไอเสีย รถยนต์ มอเตอร์ไซด์ที่โดนขา ผมว่าทุกคนต้องโดน แต่ผมโดนทั้งหน้า ทั้งตัว ทั้งมือ ทั้งแขน มันแสบ ทั้งหมด แล้วก็พอเสร็จผมก็แช่ อยู่ในห้องน้ำ วันๆก็ไม่ทำอะไร ก็แช่ปัสสาวะไปนะครับ สรุปแล้วผมใช้ปัสสาวะ ลองมาทั้ง บัวหิมะ มันก็ไม่ดีเท่ากับปัสสาวะ แล้วเขาบอกไม่ให้โดนน้ำ ผมก็โดนน้ำปกติ เพราะปัสสาวะผมยังโดนเลย

อาจารย์ให้กำลังใจ ส่งให้พี่น้อง ใครไม่ทราบเอาปัสสาวะเก่าของท่าน ที่เก็บเป็นแกลอน 5 ลิตร เอามาให้ผม โอ้โห กำลังใจฟูเชียว แช่แล้วเก็บปุ๊บ เก็บปุ๊บเทกลับ ไว้ไปทำใหม่ เขาก็บอกเดี๋ยวติดเชื้อ ไม่เป็นไรผมก็ลองทำดู ติดเชื้อก็ผมเอง มันก็ไม่มีเชื้ออะไร แช่กับน้ำมันก็มีน้ำมันที่ผมทา มันก็ไม่ได้ติดเชื้ออะไร ผมก็ลองทดสอบดู โดนน้ำก็ไม่ได้เป็นอะไร ปรากฏอาจารย์บอกว่า แผลที่ผมเป็นเนี่ย ถ้าสมมุติว่าไปโรงพยาบาล ต้องโดนขูดเนื้อ แล้วมันต้องขึ้นเป็นลาบแบบนั้นเป็นตลอดเวลา ผมคิดว่ามันเป็นขั้น ระดับ 2 ระดับ 3 ผมไม่แน่ใจ บางส่วนมันก็เบา บางส่วนมันก็ไม่หนัก แต่มันเจ็บแน่ๆ ก็พอถูกปุ๊บ ผมก็ไม่ได้กังวล ก็ยืนหยัดปฏิบัติอย่างเดิม แต่ตอนนี้เปลี่ยนอาหารมาเป็น ทานข้าวต้มโรยเกลือ เพราะว่า ที่มันกินอย่างงั้นเพราะว่าร่างกายมันร้อนมาก ผมทานอะไรมากกว่านี้แล้วมันรู้สึกไม่สบาย ผมก็เลยทำ แต่ใจเราก็เป็นห่วงที่ตอนนั้นนี่ยใจนึงที่เป็นห่วงสนามหลวง เพราะว่าผมรู้ว่าพี่น้องที่โน่นเหนื่อยแล้วไม่มีคนไปแทน ก็จะไม่ได้ไปเร่งอะไรนะครับ ก็พยายามเรียนรู้กับมัน ผมก็ใช้ปัสสาวะเนี่ย ใช้ปัสสาวะเนี่ย บอกเอาใช้ผ้าก๊อต ที่ผมเปลืองครั้งนี้คือ ใช้ผ้าไม่ใช่สำลี ที่มันปิดแผลครับ เป็นผ้าก๊อตใช่ไหมครับ ชุบปัสสาวะ แล้วมาโปะตามที่ผมเป็น พอโปะๆ พอแห้งเสร็จผมก็ชุบมาแล้วโปะใหม่ๆโปะแล้วก็นอนนน อยู่อย่างงั้น ก็ไม่ได้ใช้อะไรมากไปกว่านี้ นอกจากกินข้าว เวลาไปอาบน้ำเนี่ย วันแรก สองวันแรกเนี่ย มันแสบ คนโดนแผลใหม่ เนี่ยมันแสบ แต่เราก็โดนปัสสาวะ ไปเรื่อยๆ โดนน้ำไปเรื่อยๆ มันแสบน้อยลง เหมือนกับคนเป็นแผลพองๆ ถ้าเราเจาะมันแตก แรกๆมันจะเจ็บ พอโดนไปสักพัก มันจะชิน เราก็รู้สึกได้ว่า ทุกครั้งที่เราเจ็บ ทุกครั้งที่เราปวดแสบปวดร้อน มันคือสิ่งที่เราเคยไปทำคนอื่นเขา กับที่เรา เปิดร้านอาหาร แล้วเผากุ้ง เผาปลา กุ้งหอย ปู ปลา เราเผามาหมดเลย ผมมาเข้าใจในเรื่องนั้นที่สุดเลยว่า กรรมที่เรา ไม่เคยมีความรู้สึกเลยว่าสัตว์ที่มันพูดไม่ได้ มันจะมีชีวิตรู้สึกกับเราได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นเราไม่เชื่อ แต่พอเราโอ้โห ความรู้สึกที่เรารักตัวกลัวตาย แล้วเวลาเราไปคีบอะไรเนี่ย ผมไม่เคยเห็นมันยอมตาย มันสู้เราทุกอัน คีบกุ้งมันก็สู้เรา ขนาดปูมันกออกมาได้ มันก็ต้องสู้เราทุกตัว มันไม่อยากตาย ผมมองเห็นสิ่งนี้โอ้โห ใช่แล้ว เขาก็กลัวตาย

ภาพที่ 6 : วันที่ 7 แผลไฟไหม้บริเวณแขนหลังแช่น้ำปัสสาวะ และปรับสมดุล

ทุกวันนี้ที่เรากำลังกลัวอยู่ ที่เรากำลังดิ้นรนหาแสวงหาความ หายจากความเจ็บปวด ก็ยอมรับในกรรมเพิ่มไปอีก เจ็บทุกทีก็ สำนึกทุกที แต่ก็ ปฏิบัติอยู่อย่างงี้ครับ แต่อาจารย์บอกว่า พอมาสองสามเดือน มันถึงจะหาย แต่ผมไม่คิดว่ามันจะต้องหายเร็ว ปรากฏว่าผมก็ทำไป ผมก็ถ่ายรูปไปด้วย เพื่อไม่รู้อยู่ดีอยากถ่ายไม่รู้ อยากจะทดสอบปัสสาวะด้วยครับ แต่พอวันแรก ที่ผมทาอันเนี้ยครับ วันแรกมันยังไม่โดนเยอะ เนี่ยครับ วันแรกที่มันโดนหน้าบวมเห็นไหมครับ หนังตาบวมหมดเลย เนื้อจมูกก็หลุด หูจมูกก็หลุด อันนี้เป็นภาพประกอบ รีวิวนะครับ นู๊ดนิดนึง อันนี้มันเริ่มเห็นชัด เริ่มบวม มันจะมีภาพหนึ่งที่มันดำๆ ไหม้ถึงเส้นเลือด อันนี้เป็นภาพที่เริ่มถ่าย ผมบรรยายต่อไปเลยนะครับ

 

ก็พอเนี่ยครับภาพเนี่ย เปล่ง สุดๆ ละ ง่ายๆ เข็มเจาะนี่แตกเลย แตกคือ มือเนี่ย มันเห็นแล้วว่าเส้นเลือดตรงไหนโดนทำลาย ลองเอาส่วนไหนที่มันโดนเข้าไปลึกๆแล้วผมเจ็บมาก ผมเห็นละ ผมรู้สึกได้ว่ามันปวดตรงตามข้อ ตามนิ้ว ตามข้อมือ แล้วก็รู้ได้เลยว่าวันเนี้ยเป็นวันที่ผมเจ็บที่สุดละ แต่ใจผมไม่เจ็บเลย พอบอกว่ามันไม่เจ็บได้ยังไง ผมเจ็บ แต่ใจผมสบาย ผมเข้าใจมันเพราะว่า 1 ผมก็ทบทวนว่าทำไมผมถึงเข้าใจมัน เพราะผมปฏิบัติมาแล้วอยู่ช่วงนึง ผมเห็นกรรมแล้ว เนี่ยมันชัด ผมก็ไปเทียบกับของเก่าที่เมื่อก่อนเรากลัวโรคมันกลับไม่สบายใจอย่างที่ผมบอกผมก็เห็นชัดว่าร่างกายเนี่ยมันแก้เหตุการณ์มันแค่ฝุ่นปลายเล็บจริงๆ ไอ้ความกลัวตรงนั้น เรายังไม่เป็นไรเลย กลัวมากกว่านี้อีก แล้วพี่น้องก็ร้องไห้ กลุ้มเหมือนเดิมเพราะไม่ได้เป็นแบบผม แต่ผมไม่เหมือนเดิมคนเดียว เราก็มีความมั่นใจ ใช่แล้ว ศาสตร์นี้ แล้วปัสสาวะที่เราเคยหาย ลูกผมตกรถกอล์ฟ วันนึงมันวิ่งเลย แผลเขาเรียกบับโบ้ ยังหายเลยครับ แล้วไม่มีใครปฏิเสธ ที่บ้านไม่มีใครปฏิเสธปัสสาวะ เพราะว่าเราทำมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ก็ไม่มีใครว่า ต้องไปหาหอมโน่น มันเป็นการรักษาที่ ประหยัดที่สุด ที่ผมเคยหาย ไม่เคยดูแลตัวเองแล้วถูกขนาดนี้ ด้วยการผ้าก๊อตอยู่ไม่กี่ขดเองครับ ปรากฏว่า 5 วันเนี่ย วันที่ 4 ผมเริ่มขยับมือได้ มันเริ่มไม่เจ็บ มันเริ่มไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว มันเริ่มเอ้ย ไปสนามหลวงดีไหมเนี่ย

มติหมู่ออกมาว่า ให้อยู่ไป 15 วันโอ้โห ใจตกเลย นึกว่าจะไปเร็วๆ ครับ ใจก็ตอนนั้นก็ยัง วางใจไม่ได้ ก็นึกว่าอยากไปเร็วๆ ไปช่วยพี่น้อง พอมติหมู่มา เราก็อยู่บ้านไป ก็ดูแลตัวเอง ก็ดี ก็ได้เห็นว่า ความเปลี่ยนแปลงของมือ ของเราเนี่ย มันพัฒนา ไปสู่ทางที่ดีขึ้น พอหน้าเราเนี่ย มันเริ่มลอกเข้าวันที่ 5 ที่ 6 มั๊งครับ พอมันเริ่มลอกเนี่ย ผมรู้แล้วมือมันเป็นหนักนอกนั้นมันเริ่มลอกใสเหมือนเดิม ผมก็ โห ไม่มีแผลเป็น ไม่มีนูนๆ อะไรเลย เมื่อก่อนต้องมีนูนๆปูดๆ นี่ไม่เป็นไรเลย เหมือนคนไม่เป็นไร ผมก็โอ มันไม่เป็นไรเลยนะ มันเป็นเพราะอะไร เพราะปกติมันไม่ใช่แบบนี้ แต่เรามั่นใจว่า ปัสสาวะ มันเป็นเหตุผลที่ดีที่สุด สำหรับเรา เพราะเราไม่ได้ใช้อย่างอื่น แล้วอาหารมันก็ทำให้เราไม่ได้กินของแสลง มันก็ฟื้นตัวเร็วครับ แล้วอีกอย่างนึงที่สำคัญที่สุดคือ จิตใจเราไม่ได้กลัว ไม่ได้กังวล เพราะเรารู้หลักวิธีการปฏิบัติตนแล้วปฏิบัติใจอยู่แล้ว ผมมองแบบนั้นนะครับ ผมมาทบทวนดู แล้วพอมาเข้าวันที่ 9 วันที่ 9 นี่ผม…….

ภาพที่ 8 : วันที่ 9 แผลไฟไหม้บริเวณมือหลังแช่น้ำปัสสาวะ และปรับสมดุล

แต่ผมมารู้สึกได้ว่าผมดีแล้ว กล้ามเนื้อผม ยืดหยุ่นละ แต่มันจะมีตรงแผลที่ผมต้องพันเพราะว่ากันพวกแมลงเท่านั้นเอง แต่สุดท้ายเนี่ย สรุปแล้วเนี่ย ผมเลยอยากรู้ว่า แผลอย่างที่ผมเป็นเนี่ย มัน9 วันมันหายได้มั๊ย ระยะวันเนี่ย มันได้จริงมั๊ย ผมอยากจะทราบตัวนี้ ครับ พี่เฉง พอมีใครมีคำตอบได้มั๊ยครับ

ก็เอานะคะ เก็บไว้อีกรอบก็ได้ครับ หรือว่าแจงนิดเดียวก็ได้ค่ะ เอาพยาบาลวิชาชีพเลยค่ะ นะคะ นิดเดียวค่ะ ประเมินหน่อยค่ะ วันแรกที่ เกิดอุบัติเหตุนะคะ อย่างงี้ถ้าเข้าโรพยาบาลค่ะ คุณพยาบาลวิชาชีพ ประเมินยังไงคะ คุณหมอประเมินเลยค่ะ

แพทย์หญิงลักขณา แซ่โซ้ว : เจริญธรรมพี่น้องทุกท่านค่ะ ชื่อแพทย์หญิงลักขณา แซ่โซ้วนะคะ เคสนี้นะคะ เมื่อกี้พี่ป้อมถามว่าอะไรนะ 9 วันหายเหรอครับ เอาเป็นเรื่องๆ อันนี้ถือว่าเป็นเบิร์นนะคะ ทางการแพทย์เนี่ย เรียกว่าแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกนะคะ ทีนี้เราจะประเมินความรุนแรงเนี่ย ก็จะประเมินเป็นระยะที่ 1 2 3 นะคะ จะเรียก เฟริส ดีกรี เซค่อนดีกรี หรือว่า เทริด ดีกรีเบริน ถ้าสเตทที่ 1 คือ แค่แดงๆ เฉยๆ ถือว่าเป็น ระยะที่ 1 นะคะ ดีกรีที่ 1 ถ้าอย่างของพี่ป้อมเนี่ย มันเป็นเบฟ คือเป็นถุงน้ำนะคะ อันนี้จะเป็นขั้น ที่ 2 นะคะ ระยะที่ 2 ถ้าระยะที่ 3 นี่มันจะลึกลงไป ลึกกว่านั้น ถึงขั้น น้ำเหลืองอะไรเงี๊ยค่ะ คือมันจะหายเจ็บปวด บางทีอาจจะรู้สึกชา อันนี้แสดงว่า เป็นระยะที่ 2 การประเมินเนี่ยนะคะ อย่างถ้านับฝ่ามือเนี่ย เป็น 1 เปอเซนต์ ถ้านับพื้นผิวร่างกายทั้งหมดเป้น 100 เปอเซนต์นะคะ เราจะประเมินว่าคนนี้เบิร์นประมาณกี่เปอเซนต์ อย่างของพี่ป้อม ที่หน้า ที่คอ เมื่อกี้นับดูคร่าวๆได้ประมาณ 8-10% ของพื้นผิวร่างกายทั้งหมด นี้จะดูว่าความรุนแรง ถ้าจะดูว่าแอดมิดไหม สมมุติว่าไปโรงพยาบาลนะคะ ถ้าระยะสองเนี่ย ถ้าเป็นเนี่ย 10% ขึ้นไปจะต้องนอนโรงพยาบาล แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่เนี่ย 15% ขึ้นไปจะให้นอน นั้นคือในกรณีของพี่ป้อมนี้ประมาณ 10% สามารถรักษาที่บ้านได้ แต่ว่าตรงนี้เคสนี้จะมีกรณีพิเศษคือเขาเป็นที่หน้าแล้วก็ที่คอ ซึ่งถ้าที่หน้ากับที่คอเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นเยอะมากน้อยแค่ไหนนะคะ หมอจะต้องให้แอดมิด เพราะว่ามันมีโอกาสที่จะ เขาเรียกไร ท่อทางเดินหายใจเนี่ยมันจะบวม แล้วก็จะหายใจไม่ออก หรือว่าจะเกิดภาวะวิกฤตขึ้นได้นะคะ ถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ย หมอก็ต้องระวังแล้วคอยดูว่าจะหายใจไม่ออกเมื่อไหร่ จะต้องได้ใส่เครื่องช่วยหายใจเมื่อไหร่ หมอจะต้องระวังเลย แต่ของพี่ป้อมเนี่ยไม่เกิดอาการนั้นเลยใช่ไหมคะ ถือว่าโชคดีมากๆ แล้วก็อีกเรื่องนึงอาจจะเป็นเพราะใจที่ไม่กลัวสิ่งนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่สังเกตุได้ ที่ที่ต่างจากผู้ป่วยทั่วไป ก็คือพี่ป้อมไม่กลัว ซึ่งทางแพทย์วิถีธรรมเนี่ย ก็จะไม่ได้ดูแค่ด้านร่างกายอย่างเดียวว่าเบิร์นกี่เปอเซนต์ ระยะไหนนะคะ แต่ว่าอันนี้มีความพิเศษคือดูที่เรื่องใจด้วย พอผู้ป่วยใจไม่กลัวไม่หวั่นไหวเลย ทำให้อาการของเขาเนี่ย ไม่ได้รุนแรง ไปเหมือนคนไข้ทั่วไป ที่หมอจะต้องวิตก แล้วก็ในเรื่องอีกเรื่องนึงที่หมอจะต้องระวังก็คือเรื่องการติดเชื้อ ซึ่งอันนี้ใช้น้ำปัสสาวะอย่างเดียวเลยใช่ไหมคะ ไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะใดๆ ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่น่าสังเกตุนะคะ

ที่ตอนนี้ในสังคมกำลังกลัวกันว่า เอ๊ะ น้ำปัสสาวะ จะทำติดเชื้อมั๊ย โดยตัวปัสสาวะเองเนี่ย ก็มีเชื้อโรคอยู่แล้วโดยคนทั่วไปเข้าใจว่าแบบนั้นนะคะ อันนี้คือพี่ป้อมใช้ทั้งปัสสาวะสด ใช้ทั้งปัสสาวะเก่าด้วยใช่ไหมคะ ที่เก็บมานานเลย แต่พบว่าไม่มีการติดเชื้อ แล้วตลอด 9 วัน นั้นก็ไม่มีการเป็นหนองใช่ไหมคะ อันนี้ก็จริงๆแล้วผมการศึกษามาเนี่ย คือน้ำปัสสาวะเนี่ย มีฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียนะคะ เดี๋ยววันนี้พูดไว้แค่นี้ก่อนเดี๋ยววันหลังอาจจะมีการนำเสนองานวิจัย ค่ะ โดยปกติ ยังไม่ตอบเนาะ ปกติ นะคะ ก็จะอยู่ประมาณ 3 สัปดาห์ นะคะ 3 สัปดาห์หาย ถ้าพี่ป้อมเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาล คนไข้ทั่วไป ประมาณ 3 สัปดาห์

      ขอบคุณค่ะ ทีมผู้เชี่ยวชาญนะคะ ก็ของคุณภัคธร ที่ชัดนะคะ คืออย่างแรกเลย ก็คือ ท่านพิจารณาเห็นกรรมของตัวเองว่ามันเกิดจากอะไรนะคะ ก็เลยไม่กลัวกังวล คือใจท่านไม่ได้เป็นทุกข์จากเรื่องเหตุการณ์ครั้งนี้นะคะ สิ่งที่โดดเด่นอีกเรื่องนึงก็คือ ท่านก็ไม่ทำใหม่ด้วยค่ะ คือท่านไม่ทำวิบากกรรมใหม่ ไม่ได้เบีบดเบียน จิตวิญญาณ ของญาติ พี่น้องให้อะไรก็รับไว้ หลังจากญาติไป ท่านก็จัดการเอาออกเองนะคะ ก็ได้พิสูจน์ในหลายๆศาสตร์เล็กๆน้อยๆนะคะ เพื่อไม่ใหญาติพี่น้องทุกข์ใจไปกับท่านนะคะ ก็คือไม่สร้างกรรมใหม่นะคะ แล้วก็จริงๆแล้ว ท่านปกติ ท่านก็คือ ดื่มน้ำปัสสาวะเป็นประจำแล้วก็ทานอาหาร รสไม่จัด ปรับสมดุลอยู่แล้ว พอช่วงป่วยเนี่ยค่ะ ทานอาหารที่ เหลือแค่ข้าวต้มกับเกลือนะคะ ซึ่งก็คือท่านก็บอกว่าเป็นแนวทางของการที่ไม่นำพิษใหม่เข้าร่างกายนะคะ นี่คือหลักปฏิบัติของที่ท่านได้ทำนะคะ ซึ่งทำให้แผลไฟไหม้ของท่านนะคะ ซึ่งทางแพทย์ พยาบาล ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นระยะที่ 2 หายเร็วกว่า ที่ใช้วิธีการ แผนปัจจุบัน ค่ะ

      ครับ ผมเสริมพี่เฉงเล็กน้อยครับ คือ ที่ผมมองแล้วผมรู้สึกว่ามั่นใจที่สุดครับ คือ ผมประมาทในชีวิต ผมไม่รู้ว่า การทำดีแล้วดันวิบากร้านเป็นยังไงแล้วผมไม่เคยคิดว่าวิบากร้ายมันเล่ล่าแล้วมันจะแรงขนาดนี้ ผมก็ประมาท ทำอย่างงี้แล้วก็ไม่เคยคิดว่านี่คือวิบาก แต่ผมมีความรู้สึกว่า ผมมั่นใจอย่างหนึ่งคือว่า โอ้โห ถ้าเราไม่เจอพี่น้อง ไม่เจออาจารย์ ไม่ได้ปฏิบัติอย่างงี้มา 4-5 ปีนี่ สภาพเราจะอยู่ยังไง ทางหมอบอก 3 สัปดาห์ แล้วผมจะไปอยู่กับใจผมตรงไหน ผมไม่รู้มันจะเกิน 3 สัปดาห์หรือป่าว ผมก็เลย ผมโชคดีมากที่ผมมา เพื่อมารองรับสถานการณ์แบบนี้ ที่อาจารย์บอกว่า มันมาแน่ ระวังเถอะ เตรียมตัวไว้อย่าประมาท เรื่องอะไรที่อันตรายระมัดระวังตลอดเวลา ผมมาซาบซึ่งที่สุดเลย จำไว้เลยว่าวิบากมันมีจริงแล้วก็รู้ได้เลยว่า ชีวิตของคนเนี่ย แล้วชีวิตของสัตว์เนี่ย เราเนี่ย มีความตื่นตระหนกตกใจเหมือนเขาเลย เราไม่กล้าเลยครับ ศีลข้อ 1 ที่ใจผม ผมรู้ว่า ถ้าผมทำดีออกไปเขาก็ได้ดี ถ้าผมทำไม่มีออกไปเขาก็ได้ไม่ดีเหมือนกัน มันทำให้ผมรู้ว่า ถ้าผมทำได้สิ่งที่ดีเนี่ย เขากับผมก็ได้ดี ผมก็มองแบบนี้นะครับ ประมาณนี้ครับพี่เฉง

      ค่ะ แล้วก็ นะคะ ช่วงท้ายที่คุณภัคธรฝากไว้นะคะ ก็อย่าประมาทนะคะ แล้วพี่ ภัคธรเองก็เป็นตัวอย่างของการที่ซ้อมนะคะ ฝึกนะคะ ดื่มปัสสาวะ เป็นอะไรนะคะ เป็นอาจน เป็นยา แล้วก็……….ใหม่ให้กับร่างกายนะคะ ก็จะเป็นตัวที่ช่วยให้ถ้าเกิดเหตุการณ์หรืออะไรเข้ามาเนี่ย ก็จะสามารถฟื้นกลับมาได้เร็วนะคะ ขอบพระคุณค่ะ

      ครับ ขอบคุณมากครับ

ภาพที่ 9 : ลูก ๆ และหมู่มิตรดี สหายดี ที่เป็นกำลังใจ หน้าและแขนหายจนเกือบปกติ